ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญในการกำจัดสารพิษและช่วยในการย่อยอาหาร แต่โรคตับหลายชนิดมักไม่มีอาการในระยะแรก ทำให้ถูกเรียกว่า “ภัยเงียบ” การตรวจ อัลตราซาวด์ตับ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจหาความผิดปกติของตับตั้งแต่ระยะแรก ช่วยให้สามารถรักษาและป้องกันโรคตับก่อนที่จะสายเกินไป

ทำไมการตรวจอัลตราซาวด์ตับจึงสำคัญ

  • การตรวจหาความผิดปกติแต่เนิ่นๆ โรคตับ เช่น ตับแข็ง ตับอักเสบ หรือตับไขมัน มักไม่มีอาการในระยะแรก การตรวจอัลตราซาวด์ช่วยให้พบความผิดปกติก่อนที่จะเกิดอาการ
  • ป้องกันการลุกลามของโรค เมื่อพบความผิดปกติ แพทย์สามารถวางแผนการรักษาและป้องกันการพัฒนาเป็นโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งตับ
  • ปลอดภัยและไม่เจ็บปวด เป็นวิธีการตรวจที่ไม่รุกล้ำ ไม่มีการใช้รังสี และไม่มีผลข้างเคียง

ใครบ้างที่ควรพิจารณาการตรวจอัลตราซาวด์ตับ

  • ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ผู้ป่วยโรคตับอักเสบไวรัสบีหรือซี
  • ผู้ที่มีอาการสงสัย เช่น ปวดท้องด้านขวาบน ตาเหลือง ผิวเหลือง หรืออ่อนเพลีย
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัว หากมีสมาชิกครอบครัวป่วยเป็นโรคตับ ควรตรวจเพื่อตรวจสอบความเสี่ยง

การตรวจอัลตราซาวด์ตับสามารถตรวจพบอะไรได้บ้าง

  • ก้อนเนื้อหรือซีสต์ ช่วยในการวินิจฉัยเนื้องอกหรือซีสต์ในตับ
  • ภาวะตับแข็ง ตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเนื้อตับที่อาจนำไปสู่ตับแข็ง
  • ไขมันพอกตับ ตรวจหาการสะสมของไขมันในตับที่อาจเป็นอันตราย
  • ความผิดปกติของเส้นเลือด ตรวจสอบการไหลเวียนของเลือดและเส้นเลือดในตับ

ขั้นตอนการตรวจเป็นอย่างไร

  • การเตรียมตัว งดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนการตรวจ เพื่อให้ภาพชัดเจน
  • ระยะเวลาการตรวจ ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ไม่มีความเจ็บปวดหรือผลข้างเคียง
  • หลังการตรวจ สามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที